เมื่อพูดถึงคำว่า การประกันราคาขั้นต่ำ (Price support) นั่นก็คือ การกำหนดราคาซื้อขายไว้สูงกว่าราคาดุลยภาพ (จุดดุลยภาพนั้นเป็นจุดที่ปริมาณความต้องการซื้อเท่ากับปริมาณความต้องการขายพอดี)
ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับราคาสินค้าที่ต่ำเกินไปนั่นเอง ส่วนใหญ่เป็น สินค้าการเกษตร
แล้วทำไมต้องประกันราคาขั้นต่ำ หล่ะ??
ปกติถ้าเราปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดก็จะต้องมีการซื้อขายกันที่จุดดุลยภาพ ซึ่งรัฐบาลมองว่าราคาดุลยภาพเป็นราคาที่ต่ำเกินไป เรียกได้ว่าพ่อค้าคนกลางมักจะซื้อสินค้าเกษตรในราคาที่ต่ำ ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซงค่ะ โดยกำหนดราคาขั้นต่ำสูงกว่าราคาดุลยภาพนั่นเอง
มาตรการที่ 1 รัฐบาลรับซื้ออุปทานส่วนเกิน(Excess Supply)
โดยรัฐบาลจะตั้งราคาประกันขั้นต่ำและต้องมีการซื้อขายกันที่ราคานี้ ไม่อย่างนั้นจะผิดกฎหมาย คราวนี้ลองคิดดูนะคะว่าถ้าเราเป็นผู้ซื้อแล้วเจอราคาที่สูงกว่าราคาดุลยภาพ (ราคาที่เรายอมรับได้) เราจะอยากซื้อหรือไม่ แต่ที่แน่ๆผู้ขายคือเกษตรกรชอบแน่นอน
คราวนี้จึงเกิดอุปทานส่วนเกินขึ้นคือปริมาณความต้องการขายมากกว่าปริมาณความต้องการซื้อ สินค้าเกษตรก็จะเหลือ
รัฐบาลจะจัดการกับสินค้าเกษตรอย่างไร???
1. รัฐบาลจะรับซื้ออุปทานส่วนเกินทั้งหมด จึงต้องมีงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล
2. ต้องเตรียมไซโลไว้รองรับสินค้าเกษตรที่รัฐบาลรับซื้อ
สินค้าที่รับซื้อจะนำไปทำอะไร
1. ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เช่น น้ำท่วม ภาวะแห้งแล้ง
2. บริจาคต่างประเทศที่ประสบปัญหาด้านต่างๆ
3. นำออกจำหน่ายในตลาด
รัฐบาลจะมีหนทางอื่นอย่างไร
1. รัฐบาลหาทางลดการผลิตให้น้อยลง โดยชักชวนหรือส่งเสริมให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่รายได้ดีกว่า
คราวนี้ลองมีดูสภาพความเป็นจริงกันบ้าง ยกตัวอย่างเช่น การประกันราคาข้าวเปลือก สามารถทำได้บางพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราควรเรียกว่า
"การพยุงราคา" คือ การที่รัฐบาลดำเนินการรับซื้อผลผลิตเฉพาะในบางท้องที่ เพื่อกระตุ้นให้ราคาตลาดสูงขึ้น
การกำหนดราคาขั้นต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ราคาสินค้าที่ผลิตได้ต่ำเกินไปไม่คุ้มทุนที่ลงไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น